ประโยชน์ของเนื้อปลาในผู้สูงอายุ

ประโยชน์ของเนื้อปลาในผู้สูงอายุ

ถ้าพูดถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ประโยชน์และวิตามินครบถ้วน เหมาะกับการบริโภคสำหรับผู้สูงอายุแล้ว หนึ่งในทางเลือกหลักที่สามารถนึกได้ก็คงหนีไม่พ้น เนื้อปลา เป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด เนื้อปลานั้นอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร เป็นแหล่งโปรตีนชั้นสูง อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็น(Essential Amino Acids) อย่างครบถ้วน มีกรดไขมันจำเป็นอย่าง โอเมก้า-3  วิตามิน B2 ซึ่งร่างกายต้องการใช้ในการเผาผลาญโปรตีน ไขมัน และ คาร์โบไฮเดต ทั้งยังมีวิตามิน D ที่กระดูกจำเป็นต้องใช้ในการสะสมแคลเซี่ยม นอกจากนี้ยังมีแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน และแมกนิเซี่ยมด้วย

เนื้อปลายังสามารถย่อยได้ง่าย รับประทานได้บ่อย หรือนำไปปรุงรสได้หลากหลายรูปแบบซึ่งเหมาะกับผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก ยิ่งในปัจจุบันราคาของเนื้อปลาถือว่าไม่สูงจนเกินไปนัก ผู้สูงอายุและลูกหลานสามารถรับประทานได้บ่อย มีประโยชน์ และยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่รักษาสุขภาพ หรือต้องการลดความอ้วน

fish food for oldie

ภาพจาก: Pixabay

แล้วผู้สูงอายุควรรับประทานเนื้อปลาในปริมาณเท่าใดต่อวันถึงจะเหมาะสม?

เป็นคำถามที่ยอดฮิตหลังจากทราบกันว่าควรทาน “เนื้อปลา” เพื่อเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ตามหลักโภชนาการ โดยปรกติคนเราต้องการโปนตีนที่แตกต่างกันไปตามช่วงอายุของแต่ละวัย อาทิเช่น

  • ในเด็กต้องการโปรตีนที่สูงเท่ากับ : 1.2-1.5 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน
  • ในวัยผู้ใหญ่ต้องการโปรตีนเท่ากับ: 1.0-1.2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน
  • ในวัยผู้สูงอายุ หรือ 70 ปีขึ้นไปควรรับประทานโปรตีนเท่ากับ: 0.8-1.0 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน และควรรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายด้วย

แนวทางในการรับประทานเนื้อปลาให้ได้ประโยชน์และเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้ผู้สูงอายุมากที่สุดคือ ควรรับประทานเนื้อปลาที่ปรุงสุก ถ้าเป็นไปได้หลีกเลี่ยงการทอดด้วยน้ำมันเพราะถ้ารับประทานบ่อยจะทำให้เกิดไขมันสะสม อาจทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก และ หลอดเลือดได้ ควรเปลี่ยนประเภทของเนื้อปลาที่รับประทานบ่อยๆ เพื่อลดปัญหาการปนเปื้อนของสารตกค้าง ทั้งยังช่วยเรื่องการเจริญอาหารของผู้สูงอายุเพราะช่วยทำให้เบื่อการรับประทานเนื้อปลาน้อยลง และที่สำคัญที่สุดคือ ควรบริโภคเนื้อปลาควบคู่ไปกับอาหารอื่นๆให้ครบทุกชนิด คืออาหารหลัก 5 หมู่ ทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดีขึ้นมาได้

grill fish for oldie

ภาพจาก Pixabay

การแบ่งชนิดปลา และ เนื้อปลาทำได้ง่ายๆโดย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่:

  1. เนื้อปลาที่มีไขมันสูง(Oily Fish) อาทิ: ปลาแซลม่อน ปลาซาดีน ปลาแมคคอลเรล  และปลาเทราท์ ปลาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นปลาทะเลที่อยู่ฝั่งยุโรป มีคุณค่าทางโภชนาการและคุณประโยชน์สูง อุดมไปด้วยน้ำมันปลาช่วยป้องกันโรคหัวใจ มีวิตามิน A E และ D มาก แต่ราคาสูง
  2. ปลาที่มีเนื้อขาว (White Fish) อาทิ: ปลานิล ปลากะพง ปลาแพนกาเซีย ดอลลี่ และปลาคอด จะเป็นปลาที่มีไขมันต่ำกว่าเนื้อหมูจัดว่ามีน้ำมันปลามากแต่น้อยกว่าปลาที่มีไขมัน(Oily Fish) มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการสูงมีไขมันต่ำและมีไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย

ประโยชน์ของเนื้อปลาที่มีเพิ่มเติมสำหรับผู้สูงอายุได้แก่:

ช่วยบำรุงสมอง ผลวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่า กรดไขมัน ดีเอชเอ(DHA) ในโอเมก้า 3 จากเนื้อปลามีส่วนสำคัญคุณปรโยชน์ในการบำรุงและพัฒนาสมองโดยเฉพาะในส่วนของการจำและการเรียนรู้ จึงสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุมีความจำได้ดีขึ้น

เนื้อปลาช่วยลดความเครียด (Archives of General Psychiatry) ได้รายงานการวิจัย เกี่ยวกับน้ำมันปลา ว่าสามารถลดความเครียดในผู้ป่วยโรคประสาทที่มักจะอาละวาด ทำให้มีอารมณ์ที่เยือกเย็นลงได้

ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าในผู้สูงอายุ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดพบว่า การขาดโอเมก้า3 ในเนื้อปลาซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสมอง อาจเป็นสาเหตุทำให้คนมีอาการซึมเศร้า สมาธิสั้น และขาดความสามารถในการอ่านหนังสือได้ยาวนาน

ประโยชน์ปลาในผู้สูงอายุ

ภาพจาก Pixabay

ช่วยบรรเทาอาการของโรคไขข้ออักเสบในผู้สูงอายุ(ในบางกรณี) จากการวิจัยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า น้ำมันปลาช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบ จนสามารถลดการใช้ยาบางส่วนลงได้

ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ จากการวิจัยในปี 1998 พบว่า การบริโภคเนื้อปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคหัวใจลงได้ นอกจากนั้น จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยโอเรกอนยังระบุว่า ในไขมันปลามีกรดไขมันอีพีเอ (EPA ) ซึ่งเป็นกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า-3 ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ลงได้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดหัวใจด้วยเช่นกัน

หมายเหตุ: ถึงแม้ปลาทุกชนิดจะจัดว่ามีค่าไขมันและพลังงานต่ำกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นแล้ว อย่างไรก็ตาม ชนิดของปลายังมีผลต่อปริมาณไขมันของปลาที่มีอยู่ในเนื้อปลาสด ซึ่งผู้สูงอายุควรเลือกทานตามความ เหมาะสม

เครดิตข้อมูล ประโยชน์ของเนื้อปลามาจาก: บทความอีเล็คทรอนิคมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

บทสรุป

คนไทยและผู้สูงอายุ ควรได้รับโปรตีนจากเนื้อปลาในปริมาณที่พอเหมาะแก่ร่างกาย เพราะเนื้อปลาถือเป็นอาหารสุขภาพที่นำพาประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรงและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่จะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ และที่สำคัญคือราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย ฉะนั้นคนไทยทุกคนรวมทั้งผู้สูงอายุควรได้ทานเนื้อปลาที่สด สะอาด ปลอดภัย เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ จะได้มีร่างกายที่แข็งแรง สมองที่สดชื่น เพื่อช่วยพัฒนาประเทศชาติเราให้ก้าวหน้าต่อไป

อันดับแรก ต้องเข้าใจกันก่อนว่ารถเข็นที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่:

ประเภทแรก รถเข็น Wheel Chair แบบต้องใช้กำลังคนขับเคลื่อน ซึ่งก็สามารถแบ่งย่อยออกไปได้อีก 2 ประเภท:

  1. Transport wheel chair– รถเข็น Wheel Chair ประเภทนี้จำเป็นต้องอาศัยคนช่วยเข็นเท่านั้น คนนั่งไม่สามารถเข็นเองได้ นิยมใช้งานกันในโรงพยาบาลเพื่อเคลื่อนย้ายคนไข้จากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง รถเข็นลักษณะนี้ จะมีล้อหลังขนาดเล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ประมาณ 8-14นิ้ว ผู้นั่งจะไม่สามารถเอื้อมมือไปขยับล้อเพื่อเคลื่อนไหวรถเข็นด้วยตัวเองได้ ข้อดีคือน้ำหนักเบา ราคาค่อนข้างถูก
  2. Manually propelled wheel chair– รถเข็น Wheel Chair ประเภทนี้ผู้ใช้งานสามารถที่จะขยับรถเข็นเคลื่อนที่เองได้โดยจะต้องใช้แขนทั้งสองข้างในการช่วยหมุนล้อ ส่วนในกรณีที่ต้องการเบรก ผู้ใช้งานต้องใช้แขนทั้งสองข้างจับที่วงปั่นเพื่อช่วยในการชะลอผ่อนความเร็ว รถเข็นประเภทนี้ จะมีล้อหลังขนาดใหญ่ตั้งแต่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-24นิ้ว (51-61 ซ.ม.) ข้อดีคือผู้ใช้งานสามารถบังคับควบคุมรถได้ด้วยตนเอง

ประเภทที่สอง รถเข็น Wheel Chair ที่ใช้พลังงานภายนอก หรือ นิยมเรียกกันว่า รถเข็นไฟฟ้า

คือรถเข็นที่ใช้ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน โดยลักษณะภายนอกของรถเข็นและการใช้งานจะเหมือนกับแบบที่ใช้กำลังคนในการขับเคลื่อน แต่จะถูกติดตั้งเพิ่มเติมด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทำให้ผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ไปในทางที่ต้องการได้ รถเข็นแบบนี้นิยมใช้กับผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหนักไม่สามารถควบคุมการทำงานภายในร่างกายได้ หรือพิการ เป็นอัมพาตจนร่างกายขยับไม่ได้

รถเข็นไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุได้เป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่สามารถขยับเขยื้อนช่วงล่างของร่างกายได้เลย ผู้ใช้งานสามารถบังคับรถเพื่อหลบหลีกทาง หรือ เขยิบไปในจุดที่สะดวกได้ด้วยตนเองหรือในขณะที่คนเข็นรถไม่อยู่

ข้อแนะนำในการเลือกรถเข็นผู้ป่วย ผู้สูงอายุ:

  1. ควรเลือกแบบที่สามารถพับเก็บได้เพื่อความสะดวกในการพกพาไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อความง่ายในการเคลื่อนย้าย
  2. รถเข็นควรมีเบรกและระบบล๊อคล้อเพื่อความปลอดภัย
  3. กรณีเป็นผู้ป่วยหนักจำเป็นต้องใช้รถเข็นในระยะเวลานาน ควรเลือกซื้อแบบที่ทนทาน มีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวก หากต้องเดินทางเป็นประจำควรซื้อแบบที่ทำด้วยอลูมิเนียม
  4. รถเข็นที่ดีต้องมีความเหมาะสมกับผู้ใช้งาน ต้องไม่เทอะทะ ความลึกของเบาะนั่งต้องพอดีกับร่างกาย เมื่อนั่งแล้ว สะโพกและข้อเข่าควรงอทำมุมฉาก ควรมีช่องว่างระหว่างขอบที่นั่งกับข้อพับเข่าของผู้ป่วยเล็กน้อย หากที่นั่งลึกเกินไปอาจเกิดการเสียดสีเป็นแผลที่ใต้เข่าหรือผู้ป่วยอาจเลื่อนไหลตัวไปด้านหน้าจนอาจตกจากรถเข็นได้
  5. ต้องมีความปลอดภัยกับผู้ใช้งาน โดยควรคำนึงถึงความสูงของพนักพิงว่าต้องพอดี หากผู้ป่วยมีอาการที่ทรงตัวไม่ดี ควรใช้พนักพิงที่พอเหมาะพอดีกับตัว หากผู้ใช้งานทรงตัวดี ต้องการความคล่องตัวในการเข็นรถด้วยตนเองให้เลือกใช้พนักพิงแบบต่ำ
  6. ที่วางเท้าต้องพอเหมาะในขณะที่ผู้สูงอายุนั่ง ข้อเข่าและข้อเท้าควรงอตั้งฉากกัน ไม่ควรงอหรือเหยียดจนเกินไป หรือหากที่วางเท้าสูงเกินไปอาจส่งผลให้เกิดแรงกดไปที่ก้นมากจนอาจเกิดอันตราย เมื่อใช้ไปนานเข้าอาจทำให้ปวดหลังหรือเกิดแผลกดทับที่ก้นขึ้นมาได้

เครดิตข้อมูลจาก site :       

Phartrillion: https://phartrillion.com/how-to-choose-wheelchair/

ราคาเครื่องมือแพทย์.com:  https://bit.ly/38GGrWs