5 เทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุในอนาคต

เทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญในโลกปัจจุบัน และทราบกันดีว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ปี 2548 และมีแนวโน้มว่าจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เราควรเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย

“ตามความหมายของสหประชาชาติ: Aging Society หรือสังคมผู้สูงอายุ หมายถึงสังคมหรือประเทศที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปีมากกว่าร้อยละ 7 ของประชากรทั้งประเทศ หรืออ่าน: สังคมผู้สูงอายุคืออะไร?)”

ในทางคู่ขนานกับสังคมผู้สูงอายุทีเติบโตขึ้น เราก็จะเห็นว่าเทคโนโลยีในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตเราทุกคนรวมทั้งผู้สูงอายุได้เป็นอย่างมาก  เทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่ทำให้เราติดต่อกันได้สะดวกสบายขึ้น สามารถเห็นหน้ากันระหว่างการพูดคุยแบบ real time หรือจะติดต่อกันระหว่างประเทศก็ง่ายแสนง่ายโดยมีแค่สมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวก็สามารพูดคุยกันได้ แถมค่าใช้จ่ายแทบจะเป็นศูนย์ หรือเรื่องข้อมูล ข่าวสารต่างๆ เราก็สามารถรับรู้ได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสเพราะเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้โดยที่ไม่ต้องรอนาน หรือ รอช่วงเวลาแบบเมื่อก่อน ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าไปอย่างมาก ช่วยดูแลสุขภาพเรา และผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี

ในบทความนี้เราอยากจะอธิบายเบื้องต้นให้ผู้สูงอายุได้ทราบและเตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ เปิดใจรับการเรียนรู้ถึงความสำคัญของเทคโนโลยี ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเท่าทัน

5 เทคโนโลยีที่จะมีความสำคัญกับผู้สูงอายุได้แก่:

 

1.เทคโนโลยี ฐานข้อมูล เพื่อสังคมผู้สูงอายุ

ิbigdata for oldie

หรือเรียกกันเป็นภาษาอังกฤษว่า “Big Data” คือการนำข้อมูลต่างๆบนโลกออนไลน์มารวบรวม เก็บเป็นข้อมูล และนำมาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมบางอย่างเพื่อเป็นประโยชน์ในการใช้งานในอนาคต อาทิเช่น บันทึกประวัติสุขภาพของผู้สูงอายุ ตารางนัดหมายเพื่อพบแพทย์ ระยะเวลาการรับประทานยา ข้อมูลการเคลื่อนไหวตรวจดูการออกกำลังกายหรือกิจกรรมต่างๆของผู้สูงอายุเป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยให้เราได้ศึกษาถึงแนวโน้มพฤติกรรมของผู้สูงอายุเพื่อหาทางป้องกันหรือแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

 

2.เทคโนโลยี อุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหว

tracking system

ปัจจุบันเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ถูกพัฒนาไปไกลมากเห็นได้จากอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ติดตั้งอยู่บนหุ่นยนต์ช่วยเหลือ โดยติดกล้องทำให้สามารถมองเห็นว่ามีคนอยู่ในสถานที่นั้นๆหรือไม่ รวมทั้งยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับคลื่นความร้อนของมนุษย์ยิ่งทำให้สามารถตรวจสอบได้อย่างแม่นยำและช่วยเหลือได้อย่าทันท่วงที เทคโนโลยีนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับผู้สูงอายุได้ในการพัฒนาสินค้าด้านความปลอดภัย อาทิเช่น อุปกรณ์เซ็นเซอร์ตรวจจับคลื่นความร้อนของมนุษย์ติดตั้งในห้องน้ำเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยและความปลอดภัยระหว่างการเข้าห้องน้ำ เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ปิด-เปิดไฟอัตโนมัติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุไม่ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ เพื่อปิดหรือเปิดไฟภายในห้อง หรือถูกพัฒนาเป็นอุปกรณ์บนอ่างน้ำและเตาอบที่สามารถปิดแบบอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง

 

3.เทคโนโลยี GPS (Global Positioning System)เพื่อผู้สูงอายุ

Gps for oldie

เทคโนโลยี GPS ที่จะช่วยในการนำทางผู้สูงอายุหรือเด็กกลับมาบ้านได้อย่างถูกต้อง มีประโยชน์มากสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการหลงลืมหรือเป็นโรคอัลไซเมอร์ เทคโนโลยีนี้ยังสามารถช่วยให้คนในครอบครัวตามหาคนเหล่านั้นได้โดยการติดตั้งอุปกรณ์การติดตามยี่ห้อหนึ่งที่พัฒนาในรูปแบบของรองเท้าสวมใส่  ลูกหลานไม่ต้องกังวลเรื่องลืมนำติดตัวไป แท็กหรืออุปกรณ์ติดตามตัวโดยทั่วไปอาทิ สร้อยหรือกำไรผู้สูงอายุสามารถหลงลืมภายในบ้านได้ง่ายทำให้ประสบปัญหาเวลาออกนอกบ้านและหลงทางไม่สามารถค้นหา พากลับบ้านได้อย่างถูกต้อง

 

4.เทคโนโลยี และ อุปกรณ์เพื่อปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ

social-media-for-oldie

เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ผู้สูงอายุหลายคนขาดหายไป การไม่ค่อยได้มีโอกาสพบปะผู้คน หรือพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้สูงอายุท่านอื่นๆ ความรู้สึกโดดเดี่ยว ปราศจากลูกหลานคอยเป็นเพื่อน ทำให้เกิดความเหงา เศร้าสร้อยและอาจทำให้สุขภาพจิตและสุขภาพกายอ่อนแอลงได้ ฉะนั้นการได้พบปะพูดคุยช่วยสร้างความสุข และสุขภาพที่ดีขึ้นได้ เทคโนโลยีด้านการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์นี้สามารถตอบสนองและแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ช่วยเยียวยาจิตใจของผู้สูงอายุให้ดีขึ้น อาทิ โปรแกรมพูดคุยไลน์ โปรแกรมเฟสบุ๊ค ช่วยให้ได้พูดคุยและเห็นภาพลูกหลานได้อย่างง่ายๆ หรือดูวีดีโอจาก youtube เพื่อแก้เหงาและได้สาระประโยชน์

 

5.เทคโนโลยี หุ่นยนต์สำหรับผู้สูงอายุ

robotic for oldie

เทคโนโลยีหุ่นยนต์ปัจจุบันเริ่มใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เนื่องด้วยสมองกล AI ปัญญาประดิษฐ์ได้ถูกพัฒนาขีดความสามารถขึ้นเป็นอย่างมาก แต่อาจจะยังติดปัญหาเรื่องของราคาที่ยังคงสูงอยู่บ้าง ซึ่งอนาคตอันใกล้แนวโน้มราคาน่าจะถูกลงเนื่องจากมีการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นในเชิงอุตสาหกรรมเพื่อการพานิชย์ รวมทั้งเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เป็นที่ยอมรับในด้านความปลอดภัยและคุณภาพที่เพิ่มขึ้น อีกไม่นานเราจะได้เห็นหุ่นยนต์เพื่อดูแลผู้สูงอายุใช้งานกันอย่างแพร่หลาย อาทิเช่น หุ่นยนต์เพื่อการอุ้ม หุ่นยนต์ประคองกาเดิน หุ่นยนต์ที่เป็นเพื่อนเล่นให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน หุ่นยนต์ที่สามารถร่วมทำกิจกรรมกับผู้สูงอายุ หุ่นยนต์พาไปพบแพทย์ แจ้งเตือนการรับปะทานยา หรือตารางการทำกายภาพบำบัดและออกกำลังกายเป็นต้น

อันดับแรก ต้องเข้าใจกันก่อนว่ารถเข็นที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่:

ประเภทแรก รถเข็น Wheel Chair แบบต้องใช้กำลังคนขับเคลื่อน ซึ่งก็สามารถแบ่งย่อยออกไปได้อีก 2 ประเภท:

  1. Transport wheel chair– รถเข็น Wheel Chair ประเภทนี้จำเป็นต้องอาศัยคนช่วยเข็นเท่านั้น คนนั่งไม่สามารถเข็นเองได้ นิยมใช้งานกันในโรงพยาบาลเพื่อเคลื่อนย้ายคนไข้จากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง รถเข็นลักษณะนี้ จะมีล้อหลังขนาดเล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ประมาณ 8-14นิ้ว ผู้นั่งจะไม่สามารถเอื้อมมือไปขยับล้อเพื่อเคลื่อนไหวรถเข็นด้วยตัวเองได้ ข้อดีคือน้ำหนักเบา ราคาค่อนข้างถูก
  2. Manually propelled wheel chair– รถเข็น Wheel Chair ประเภทนี้ผู้ใช้งานสามารถที่จะขยับรถเข็นเคลื่อนที่เองได้โดยจะต้องใช้แขนทั้งสองข้างในการช่วยหมุนล้อ ส่วนในกรณีที่ต้องการเบรก ผู้ใช้งานต้องใช้แขนทั้งสองข้างจับที่วงปั่นเพื่อช่วยในการชะลอผ่อนความเร็ว รถเข็นประเภทนี้ จะมีล้อหลังขนาดใหญ่ตั้งแต่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-24นิ้ว (51-61 ซ.ม.) ข้อดีคือผู้ใช้งานสามารถบังคับควบคุมรถได้ด้วยตนเอง

ประเภทที่สอง รถเข็น Wheel Chair ที่ใช้พลังงานภายนอก หรือ นิยมเรียกกันว่า รถเข็นไฟฟ้า

คือรถเข็นที่ใช้ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน โดยลักษณะภายนอกของรถเข็นและการใช้งานจะเหมือนกับแบบที่ใช้กำลังคนในการขับเคลื่อน แต่จะถูกติดตั้งเพิ่มเติมด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทำให้ผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ไปในทางที่ต้องการได้ รถเข็นแบบนี้นิยมใช้กับผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหนักไม่สามารถควบคุมการทำงานภายในร่างกายได้ หรือพิการ เป็นอัมพาตจนร่างกายขยับไม่ได้

รถเข็นไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุได้เป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่สามารถขยับเขยื้อนช่วงล่างของร่างกายได้เลย ผู้ใช้งานสามารถบังคับรถเพื่อหลบหลีกทาง หรือ เขยิบไปในจุดที่สะดวกได้ด้วยตนเองหรือในขณะที่คนเข็นรถไม่อยู่

ข้อแนะนำในการเลือกรถเข็นผู้ป่วย ผู้สูงอายุ:

  1. ควรเลือกแบบที่สามารถพับเก็บได้เพื่อความสะดวกในการพกพาไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อความง่ายในการเคลื่อนย้าย
  2. รถเข็นควรมีเบรกและระบบล๊อคล้อเพื่อความปลอดภัย
  3. กรณีเป็นผู้ป่วยหนักจำเป็นต้องใช้รถเข็นในระยะเวลานาน ควรเลือกซื้อแบบที่ทนทาน มีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวก หากต้องเดินทางเป็นประจำควรซื้อแบบที่ทำด้วยอลูมิเนียม
  4. รถเข็นที่ดีต้องมีความเหมาะสมกับผู้ใช้งาน ต้องไม่เทอะทะ ความลึกของเบาะนั่งต้องพอดีกับร่างกาย เมื่อนั่งแล้ว สะโพกและข้อเข่าควรงอทำมุมฉาก ควรมีช่องว่างระหว่างขอบที่นั่งกับข้อพับเข่าของผู้ป่วยเล็กน้อย หากที่นั่งลึกเกินไปอาจเกิดการเสียดสีเป็นแผลที่ใต้เข่าหรือผู้ป่วยอาจเลื่อนไหลตัวไปด้านหน้าจนอาจตกจากรถเข็นได้
  5. ต้องมีความปลอดภัยกับผู้ใช้งาน โดยควรคำนึงถึงความสูงของพนักพิงว่าต้องพอดี หากผู้ป่วยมีอาการที่ทรงตัวไม่ดี ควรใช้พนักพิงที่พอเหมาะพอดีกับตัว หากผู้ใช้งานทรงตัวดี ต้องการความคล่องตัวในการเข็นรถด้วยตนเองให้เลือกใช้พนักพิงแบบต่ำ
  6. ที่วางเท้าต้องพอเหมาะในขณะที่ผู้สูงอายุนั่ง ข้อเข่าและข้อเท้าควรงอตั้งฉากกัน ไม่ควรงอหรือเหยียดจนเกินไป หรือหากที่วางเท้าสูงเกินไปอาจส่งผลให้เกิดแรงกดไปที่ก้นมากจนอาจเกิดอันตราย เมื่อใช้ไปนานเข้าอาจทำให้ปวดหลังหรือเกิดแผลกดทับที่ก้นขึ้นมาได้

เครดิตข้อมูลจาก site :       

Phartrillion: https://phartrillion.com/how-to-choose-wheelchair/

ราคาเครื่องมือแพทย์.com:  https://bit.ly/38GGrWs