5 วิธีป้องกันอันตรายจากฝุ่น PM 2.5 ในผู้สูงอายุ

 ช่วงนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าฝุ่น PM 2.5 ได้กลับมาสร้างปัญหาด้านสุขภาพของผู้คนในประเทศไทยโดยเฉพาะเขตกรุงเทพมหานครฯ ปริมณฑล และตามหัวเมืองใหญ่ ช่วงปลายหน้าฝนต้นหนาวที่บางวันมีสภาพอากาศปิดทำให้ฝุ่นเกิดการสะสมบนท้องฟ้าไม่สามารถระบายออกไปได้ จึงเกิดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่เกินมาตรฐาน และยิ่งฝนตกน้อยลง ทำให้ฝุ่น PM 2.5 กระจายตัวเพิ่มขึ้น

ช่วงเช้าๆพอเราออกไปนอกบ้านมองไปบนท้องฟ้าอาจเข้าใจผิดนึกว่าเป็นหมอก แต่ทำไมมันหายใจติดขัดและแสบตา พอมานึกได้อีกที ก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆมันคือฝุ่น PM 2.5 ตัวร้ายที่ทำลายสุขภาพเด็ก ผู้ใหญ่ รวมทั้งผู้สูงอายุ

 วันนี้ทาง Zee Doctor จะมาอธิบายความหมายของฝุ่น PM 2.5 ว่ามันคืออะไร รวมทั้งเราจะป้องกันอันตรายจากฝุ่น PM 2.5 นี้ในผู้สูงอายุได้อย่างไร

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร?

PM 2.5 คือละอองฝุ่นขนาดเล็กมาก เล็กกว่า 2.5 ไมครอน (เส้นผ่าศูนย์กลางของฝุ่นน้อยกว่า 2.5 ไมครอน) หรือมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผม

ฝุ่น PM 2.5 เกิดจากกิจกรรมต่างๆหลายชนิด อาทิเช่น การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล การก่อสร้างตึก อาคารบ้านเรือน การปล่อยควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม และ การเผาป่าของชาวบ้านตามต่างจังหวัดเพื่อเตรียมการเพาะปลูก

air-pollution-pm-2.5-cause-eldary

Credit picture by freepix – tartila

ฝุ่น PM 2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากเพราะมีขนาดเล็ก สามารถเดินทางผ่านทางเดินหายใจเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย เพิ่มโอกาสของโรคระบบทางเดินหายใจ โรคปอด หืดหอบ โรคหัวใจ และมีอาการแสบ เคืองตา เราต้องป้องกันด้วยการสวนใส่หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานป้องกันฝุ่นขนาดเล็กโดยเฉพาะ

ข้อมูลอ้างอิง BBC Thai: https://www.bbc.com/thai/thailand-46643980

5 วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 ในผู้สูงอายุ

elderly-protect-from-pm-2-5-dust

Credit picture by freepix – skawee

1. หลีกเลี่ยงการออกไปนอกบ้าน งดการออกกำลังกายนอกบ้าน

 ในช่วงที่ค่าฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณสูงเกินกว่าค่ามาตรฐาน (ค่า AQI ตั้งแต่ 101 ขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงของโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และผู้สูงอายุ หรือค่า AQI ตั้งแต่ 151 ขึ้นไปสำหรับคนธรรมดาทั่วไป) ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน หรือ ถ้าจำเป็นต้องออก ให้สวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นขนาดเล็กที่ได้มาตรฐานเพื่อป้องปรามอาการของโรคที่

 อาจจะเกิดขึ้น เพราะผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีความอ่อนไหวต่อโรค อาจมีอาการไม่สบายอันเนื่องมาจากฝุ่น PM 2.5 ทำให้ระบบหายใจเกิดความบกพร่องได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายภายนอกบ้าน อาทิ การเดินออกกำลังกายตอนเช้า หรือตอนเย็น ในสวนสาธารณะหรือสวนภายในบ้าน ขณะช่วงเวลาที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง

2. สวมใส่หน้าการอนามัย N95

 ผู้สูงอายุควรหาซื้อหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองมาตรฐานแบบ N95 มาใช้ขณะอยู่ภายนอกบ้านเรือน ปัจจุบันหน้ากากแบบ N95 สามารถหาซื้อได้สะดวก มีขายตามร้านขายยาหรือร้านค้าทั่วไป ไม่แนะนำให้ใส่หน้ากากแบบปรกติเนื่องจากไม่สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กแบบ PM 2.5 ได้

 ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถหาหน้ากาก N95 ได้ แนะนำให้ผู้สูงอายุใช้หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาแล้วนำทิชชู่มาซ้อนกัน 2 ชั้นบนหน้ากาก ช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง วิธีการใส่หน้ากากแบบ N95 ที่ถูกต้องดังนี้:

  • ล้างมือให้สะอาด
  • สอดมือให้อยู่ในลักษณะดังรูป
  • ดึงสายรัดศีรษะเส้นล่างไว้ใต้หู และเส้นบนไว้เหนือหู
  • กดโครงลวดให้แนบสันจมูก
  • ทดสอบด้วยการดึงสายรัดให้ตึงไม่มีลมรั่วออกทางด้านข้าง
how-to-wear-pm-2.5-mask

ขอบคุณข้อมูลภาพประกอบจาก wongnai: https://www.wongnai.com/trips/how-to-protect-yourself-from-dust

3. ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ทำความสะอาดไส้กรองเครื่องปรับอากาศ ติดเครื่องกรองอากาศภายในบ้านหรือห้องนอน

 แนะนำให้ผู้สูงอายุหรือคนในบ้านปิดประตู หน้าต่างให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ภายใน การที่ผู้สูงอายุอยู่ในบ้านหรืออาคารที่เปิดประตู หน้าต่าง ตามปรกติ จะได้รับผงฝุ่นเท่ากับอยู่ภายนอกบ้านทุกประการ

 ช่วงที่ค่าฝุ่น PM 2.5 นี้มีปริมาณที่สูงอาจต้องอาศัยเปิดเครื่องปรับอากาศควบคู่กันไปก่อน ทั้งนี้ควรทำความสะอาดไส้กรองฝุ่นภายในเครื่องปรับอากาศด้วยเพราะไม่เช่นนั้นฝุ่นอาจเกิดการกระจายตัวจากเครื่องปรับอากาศเอง และอาจทำให้เครื่องปรับอากาศมีการอุดตันและเสียหายได้

 ทางเลือกเพิ่มเติมคือผู้สูงอายุอาจหาซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้งานภายในบ้าน การใช้เครื่องฟอกอากาศชนิดที่มีแผ่นกรอง HEPA ที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดห้องจะช่วยลดปริมาณฝุ่นควันได้มากกว่า เร็วกว่า และสามารถลดจนได้ระดับสภาพอากาศที่ปลอดภัย

ข้อมูลอ้างอิง Thai PBS: https://news.thaipbs.or.th/content/277387

4. ทำความสะอาดภายในบ้านเพื่อลดฝุ่น
pm-2.5-protection-for-elderly

Credit picture by freepix – nikkikii

 การหมั่นทำความสะอาดภายในบ้านช่วยลดการเกิดฝุ่นได้เป็นอย่างดี เมื่อผู้สูงอายุได้ปิดประตู หน้าต่างอย่างมิดชิดแล้ว ฝุ่น PM 2.5 ก็ไม่สามารถเข้ามาภายในบ้านได้ เราก็ควรจะดูแลภายในให้สะอาด เป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ไม่ได้เฉพาะแค่เรื่องฝุ่นที่หมดไป แต่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดสะอ้านของบ้านยังช่วยลดอุบัติเหตุจากการหกล้ม เดินสะดุด และป้องกันโรคที่อาจจะเกิดขึ้นจากฝุ่นในผู้สูงอายุได้ด้วย

5. ดูแลร่างกายตนเองให้แข็งแรง
take-care-elderly

 ผู้สูงอายุควรมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเพื่อที่จะมีภูมิคุ้มกันโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในสภาวะปัญหาฝุ่น PM 2.5  ที่เกิดขึ้นอาจทำให้การออกกำลังกายภายนอกอาจไม่สะดวกนัก แต่การออกำลังกายเบาๆภายในบ้านพักก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

 ผู้สูงอายุอาจรำมวยไทเก็กเบาๆภายในห้อง หรือ ขยับแขน ขยับขา เดินย่ำอยู่กับที่ก็เป็นการช่วยเสริมให้ร่างกายได้มีการเคลื่อนไหว หรือจะเดินบนลู่เดินอัตโนมัติ ปั่นเครื่องปั่นจักรยานก็เป็นการช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบการหายใจและปอดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การรับประทานทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด พักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็สามารถช่วยป้องกันโรคประจำตัวได้ดี

เรียบเรียงข้อมูลโดย: Zee Doctor Admin

อันดับแรก ต้องเข้าใจกันก่อนว่ารถเข็นที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่:

ประเภทแรก รถเข็น Wheel Chair แบบต้องใช้กำลังคนขับเคลื่อน ซึ่งก็สามารถแบ่งย่อยออกไปได้อีก 2 ประเภท:

  1. Transport wheel chair– รถเข็น Wheel Chair ประเภทนี้จำเป็นต้องอาศัยคนช่วยเข็นเท่านั้น คนนั่งไม่สามารถเข็นเองได้ นิยมใช้งานกันในโรงพยาบาลเพื่อเคลื่อนย้ายคนไข้จากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง รถเข็นลักษณะนี้ จะมีล้อหลังขนาดเล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ประมาณ 8-14นิ้ว ผู้นั่งจะไม่สามารถเอื้อมมือไปขยับล้อเพื่อเคลื่อนไหวรถเข็นด้วยตัวเองได้ ข้อดีคือน้ำหนักเบา ราคาค่อนข้างถูก
  2. Manually propelled wheel chair– รถเข็น Wheel Chair ประเภทนี้ผู้ใช้งานสามารถที่จะขยับรถเข็นเคลื่อนที่เองได้โดยจะต้องใช้แขนทั้งสองข้างในการช่วยหมุนล้อ ส่วนในกรณีที่ต้องการเบรก ผู้ใช้งานต้องใช้แขนทั้งสองข้างจับที่วงปั่นเพื่อช่วยในการชะลอผ่อนความเร็ว รถเข็นประเภทนี้ จะมีล้อหลังขนาดใหญ่ตั้งแต่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-24นิ้ว (51-61 ซ.ม.) ข้อดีคือผู้ใช้งานสามารถบังคับควบคุมรถได้ด้วยตนเอง

ประเภทที่สอง รถเข็น Wheel Chair ที่ใช้พลังงานภายนอก หรือ นิยมเรียกกันว่า รถเข็นไฟฟ้า

คือรถเข็นที่ใช้ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน โดยลักษณะภายนอกของรถเข็นและการใช้งานจะเหมือนกับแบบที่ใช้กำลังคนในการขับเคลื่อน แต่จะถูกติดตั้งเพิ่มเติมด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทำให้ผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ไปในทางที่ต้องการได้ รถเข็นแบบนี้นิยมใช้กับผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหนักไม่สามารถควบคุมการทำงานภายในร่างกายได้ หรือพิการ เป็นอัมพาตจนร่างกายขยับไม่ได้

รถเข็นไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุได้เป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่สามารถขยับเขยื้อนช่วงล่างของร่างกายได้เลย ผู้ใช้งานสามารถบังคับรถเพื่อหลบหลีกทาง หรือ เขยิบไปในจุดที่สะดวกได้ด้วยตนเองหรือในขณะที่คนเข็นรถไม่อยู่

ข้อแนะนำในการเลือกรถเข็นผู้ป่วย ผู้สูงอายุ:

  1. ควรเลือกแบบที่สามารถพับเก็บได้เพื่อความสะดวกในการพกพาไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อความง่ายในการเคลื่อนย้าย
  2. รถเข็นควรมีเบรกและระบบล๊อคล้อเพื่อความปลอดภัย
  3. กรณีเป็นผู้ป่วยหนักจำเป็นต้องใช้รถเข็นในระยะเวลานาน ควรเลือกซื้อแบบที่ทนทาน มีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวก หากต้องเดินทางเป็นประจำควรซื้อแบบที่ทำด้วยอลูมิเนียม
  4. รถเข็นที่ดีต้องมีความเหมาะสมกับผู้ใช้งาน ต้องไม่เทอะทะ ความลึกของเบาะนั่งต้องพอดีกับร่างกาย เมื่อนั่งแล้ว สะโพกและข้อเข่าควรงอทำมุมฉาก ควรมีช่องว่างระหว่างขอบที่นั่งกับข้อพับเข่าของผู้ป่วยเล็กน้อย หากที่นั่งลึกเกินไปอาจเกิดการเสียดสีเป็นแผลที่ใต้เข่าหรือผู้ป่วยอาจเลื่อนไหลตัวไปด้านหน้าจนอาจตกจากรถเข็นได้
  5. ต้องมีความปลอดภัยกับผู้ใช้งาน โดยควรคำนึงถึงความสูงของพนักพิงว่าต้องพอดี หากผู้ป่วยมีอาการที่ทรงตัวไม่ดี ควรใช้พนักพิงที่พอเหมาะพอดีกับตัว หากผู้ใช้งานทรงตัวดี ต้องการความคล่องตัวในการเข็นรถด้วยตนเองให้เลือกใช้พนักพิงแบบต่ำ
  6. ที่วางเท้าต้องพอเหมาะในขณะที่ผู้สูงอายุนั่ง ข้อเข่าและข้อเท้าควรงอตั้งฉากกัน ไม่ควรงอหรือเหยียดจนเกินไป หรือหากที่วางเท้าสูงเกินไปอาจส่งผลให้เกิดแรงกดไปที่ก้นมากจนอาจเกิดอันตราย เมื่อใช้ไปนานเข้าอาจทำให้ปวดหลังหรือเกิดแผลกดทับที่ก้นขึ้นมาได้

เครดิตข้อมูลจาก site :       

Phartrillion: https://phartrillion.com/how-to-choose-wheelchair/

ราคาเครื่องมือแพทย์.com:  https://bit.ly/38GGrWs