เป็นที่ทราบกันดีว่าตอนนี้ประเทศไทยเราได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ(Aging Society) อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2548 (อ่านเพิ่มเติม..สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย) แล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เตรียมพร้อมรับการการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างสังคมที่จะเกิดขึ้น แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเราได้เข้าสู่วัยเก๋าหรือกำลังจะเข้าสู่วัยรุ่น(ตอนปลาย)อย่างแท้จริง วันนี้เราจะมีเคล็ด(ไม่)ลับ เล็กๆน้อยๆที่จะช่วยบอกได้ว่า เราได้ก้าวเข้าสู่ภาวะสูงวัยแล้ว
Credit photo created by tirachardz – www.freepik.com
ข้อที่ 1. มีคนทัก
วิธีนี้สามารถสังเกตได้ง่ายเพราะบางครั้งเราเห็นตัวเองในกระจกอยู่เป็นประจำ อาจทำให้เราคุ้นชินกับรูปร่าง หน้าตา จนทำให้มองไม่เห็นจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นจากอายุที่มากขึ้น ในความเป็นจริง การที่มีคนทักหรือบอกเราก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะเราจะได้เตรียมพร้อมรับกับวัยที่สูงขึ้น ดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น
ข้อที่ 2. หมั่นมองดูตัวเองในกระจก
คอยหมั่นสังเกตก็จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตั้งแต่หัวจรดเท้า อาทิ:
- เริ่มมีผมหงอกขึ้นตรงโคนผม หรือแถบผมหงอกด้านข้างศีรษะจนกลางศีรษะ ถ้าเป็นผู้ชายอาจมีอาการผมร่วง ศีรษะเถิก และหัวล้าน
- ผิวหน้าแห้งขึ้น ทำให้เริ่มมีรอยตีนกาเพิ่มมากขึ้น การยืดหยุ่นของผิวลดลง
Credit photo created by tirachardz – www.freepik.com
ข้อที่ 3. กำลังวังชาที่ถดถอยลงไป
- พออายุเข้าวัย 30 ปีขึ้นไป มวลกล้ามเนื้อและกระดูก จะเริ่มลดลง 3-5% ทุกๆ 10 ปี ฉะนั้นถ้าไม่คอยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อของเราก็จะค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ จนทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงและไม่มีกำลัง ในส่วนของกระดูก พอย่างเข้าวัย 30 ปี จะไม่มีการเสริมสร้างขึ้นอีก แต่ร่างกายจะคงสภาพของกระดูกเอาไว้ และมวลกระดูกจะเริ่มลดลงหลังจากเราเข้าสู่วัยทอง(ผู้หญิงเริ่มตั้งแต่ 45-55 ปี) และจะนำไปสู่การเกิดภาวะกระดูกพรุนในที่สุด
ข้อที่ 4. การเปลี่ยนแปลงเรื่องของน้ำหนักตัว(ที่เพิ่มขึ้น)
ด้วยภาวะกล้ามเนื้อที่ลดลงของผู้สูงวัย จึงทำให้การเผาผลาญพลังงานได้ไม่ดีเหมือนตอนวัยหนุ่มสาว ทำให้เกิดการสะสมของไขมันเพิ่มขึ้น ทั้งยังอ้วนง่ายขึ้นในขณะที่กินเท่าเดิม
Credit photo created by tirachardz – www.freepik.com
ข้อที่ 5. อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย
ในส่วนของผู้หญิงฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงอย่างรวดเร็ว พอเข้าสู่วัยทองรังไข่ก็จะหยุดทำงาน ทำให้การปรับตัวเรื่องของอารมณ์นั้นแย่ลง หงุดหงิดง่ายขึ้น และยังทำให้เกิดอาการนอนหลับยากขึ้น ร้อนวูบวาบ(อาจจะเกิดขึ้นในบางคน)
ในส่วนของผู้ชายฮอร์โมนเพศชายก็จะลดลงเช่นกันแต่จะเป็นในลักษณะค่อยๆลดลง ไม่ได้หายไปเลยแบบผู้หญิง จึงทำให้การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไม่รุนแรงเท่า หรือบางครั้งอาจจะไม่มีอาการเลยก็ได้
ข้อที่ 6. สถานะภาพทางสังคมและครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลง
โดยที่สมัยก่อนผู้ชายหรือพ่อจะเป็นหัวหน้าผู้ดูแลครอบครัว แต่พอเข้าสู่วัยชราก็จะเป็นรุ่นลูกที่ขึ้นมาทำหน้าที่นี้แทน ฉะนั้น พ่อจึงถูกลดบทบาทและอำนาจภายในครอบครัวลง ขาดการยอมรับจากครอบครัวเพิ่มขึ้น ถ้าไม่มีการเตรียมตัวที่ดี และเข้าใจสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลง จะทำให้เกิดปัญหาภายในบ้านและการเข้าสังคมได้ในอนาคต
Credit photo created by tirachardz – www.freepik.com
สรุปแล้วการเตรียมตัวเข้าสู่วัยสูงอายุควรเริ่มเมื่อไร่? คำตอบง่ายๆจาก ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้กล่าวแนะนำว่า ให้เตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้เลย เตรียมตัวตั้งแต่เนินๆ เพราะถ้ารอจนอายุ 50-60 ปี ในบางครั้งอาจจะสายเกินไป ไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับอารมณ์และร่างกายที่เปลี่ยนแปลงได้
แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราจะเข้าสู่วัยเก๋าอย่างไรให้มีคุณค่า โดยการยอมรับว่าความแก่ชราว่าเป็นเรื่องปรกติ หมั่นดูแลตัวเองให้ดีพร้อมทั้ง 4 ด้านที่สำคัญได้แก่ การสร้างสรรค์อารมณ์ที่ดี มองโลกในแง่ดี เลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ (อ่านเพิ่มเติม..ผู้สูงอายุญี่ปุ่นทานอะไรถึงสุขภาพดี) และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณก้าวเช้าสู่วัยเก๋าที่มีคุณค่าอย่างสมบูรณ์แบบได้
ขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์จาก: ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล
บทความเรียบเรียงโดย Zeedoctor และ เครดิต Clip จาก Mahidol Channel: https://www.youtube.com/watch?v=QkXzQiwzcVY&list=PLYbHecbpdP2uXF3FiWfJftK6UDRWcB4pk&index=70