“ผู้สูงวัย” เป็นช่วงวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจไม่ต่างกับช่วงวัยเด็กหรือช่วงวัยรุ่น การที่ผู้สูงวัยได้เตรียมตัวและรับรู้ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายตนเองตั้งแต่เนิ่นๆจะเป็นประโยชน์กับตัวเองเมื่อเข้าสู่วัยชรา ผู้สูงวัยควรเตรียมพร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และคอยหมั่นสังเกตุตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น วันนี้เราขอนำเอา 9 เรื่องที่ควรรู้สำหรับผู้สูงวัยมาฝากกัน
1. ระบบผิวหนัง
ผู้สูงอายุจะมีภาวะผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากเส้นใยอีลาสตินและเซลล์ผิวหนังลดลง ต่อมไขมันทำงานลดลงทำให้ผิวหนังของผู้สูงวัยมีลักษณะแห้งและเป็นขุย เซลล์ที่สร้างเม็ดสีมีการทำงานลดลงทำให้สีของผิวหนังจางลง แต่อาจพบจุดสีน้ำตาลได้ทั่วไปอันเนื่องมาจากการรวมตัวของเม็ดสีเก่าๆ และในวัยผู้สูงอายุผิวหนังจะมีอาการแพ้ได้ง่ายกว่าวัยอื่นๆ ผู้สูงอายุจะเริ่มมีเล็บที่มีลักษณะหนาและแข็งมากขึ้น ผมและขนต่างๆ จะจางลงและหลุดร่วงง่าย
Photo by Siarhei Plashchynski on Unsplash
2. ระบบหัวใจและไหลเวียนโลหิต
ในช่วงวัยนี้ ประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจของผู้สูงอายุจะลดลงเนื่องจากการบีบตัวและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหัวใจลดลง(อ่านบทความ: ภาวะหัวใจล้มเหลว) อาจมีความผิดปกติในการนำสัญญาณไฟฟ้าในกล้ามเนื้อหัวใจ ผู้สูงวัยอาจเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หลอดเลือดฝอยของร่างกายเปราะบางอาจทำให้เกิดภาวะขาดเลือดได้
3. ระบบทางเดินหายใจ
เมื่ออายุมากขึ้น จะเกิดการแข็งตัวไม่ยืดหยุ่นของข้อต่อเล็กๆ ของซี่โครง ทำให้การขยายตัวของทรวงอกลดลง เกิดภาวะหลังค่อม บวกกับเนื้อเยื่อปอดมีความยืดหยุ่นลดลง ทำให้ปริมาตรการหายใจและค่าความจุปอดต่ำลง ส่งผลให้การหายใจเข้าและออกไม่สะดวกเท่าตอนอยู่ในวัยหนุ่มสาว เมื่อวงจรการตอบสนองกำจัดสิ่งแปลกปลอมในระบบทางเดินหายใจของผู้สูงวัยไม่ดี อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและอาการสำลักได้ ฉะนั้นผู้สูงอายุควรระมัดระวังอย่างยิ่ง
4. ระบบประสาท ประสาทสัมผัส และการทรงตัว
สารสื่อประสาทและเซลล์ประสาททั้งระบบส่วนกลางและระบบประสาทส่วนปลายมีประสิทธิภาพลดลง การส่งสัญญาณประสาทช้าลง ทำให้ปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าและการเคลื่อนไหวในผู้สูงอายุลดลง ระบบความคิดและวิเคราะห์ที่ช้าลง อาจทำให้ผู้สูงวัยเกิดภาวะความจำเสื่อม ประสิทธิภาพของสมองส่วนที่ควบคุมอุณหภูมิร่างกายลดลง สารสื่อประสาทที่สำคัญอาจเสื่อมสลาย นำไปสู่โรคพากินสัน (การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ) นอนหลับลึกน้อยลงจากเดิม รวมถึงอาการสายตายาวในผู้สูงอายุที่เป็นต้นเหตุของการหกล้มในผู้สูงวัย นอกจากนี้ยังมีภาวการณ์ได้ยินที่ลดลงประกอบด้วย
Photo by Todd Cravens on Unsplash
5. ระบบสืบพันธุ์
ในเพศชายอาจขับถ่ายปัสสาวะได้ลำบาก ขณะที่เพศหญิงมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลง และทรวงอกสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดการหย่อนคล้อย
6. ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
ภาวะกล้ามเนื้อลีบจากการไม่ได้ใช้งานในผู้สูงอายุสังเกตได้จากการที่กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ความแข็งแรงและการหดตัวของกล้ามเนื้อมีความเสื่อมถอย ภาวการณ์สูญเสียสมดุลนี้ส่งผลให้เกิดอาการสั่นเมื่อต้องทำงาน มีการลดลงของกำลังกล้ามเนื้อสูงสุด และระยะการเคลื่อนไหวของข้อต่อ โดยทั่วไปนั้นจะลดลงในอัตราร้อยละ 15-20 โดยประมาณในระหว่างช่วงอายุ 20-60 ปี มากน้อยตามแต่ว่าเคยดูแลสมรรถภาพร่างกายก่อนหน้านี้มาอย่างไร ฉะนั้นผู้สูงวัยส่วนใหญ่จึงควรพยายามดำรงความสามารถในการทำงานเดิมไว้ให้ได้ ทั้งนี้ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังข้อต่อและกล้ามเนื้อมากๆ เช่น ยกของหนัก แบกของ และงานที่ต้องบิดเอี้ยวตัวมากๆ
Photo by Les Anderson on Unsplash
7. ระบบทางเดินอาหาร
ผู้สูงวัยมีโอกาสท้องผูกบ่อย กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยลดลงทำให้ประสิทธิภาพในการย่อยอาหารลดลง(อ่านบทความ:ผู้สูงวัยควรกินอย่างไรให้แข็งแรง) ผู้สูงอายุบางรายอาจเกิดภาวะระบบร่างกายขาดสารอาหารเพราะการดูดซึมอาหารในกระเพาะอาหารบกพร่อง
8. ระบบปัสสาวะ
ผู้สูงอายุจะถ่ายปัสสาวะบ่อย เนื่องจากหลังจากถ่ายปัสสาวะในแต่ละครั้งจะมีปริมาณปัสสาวะตกค้างในกระเพาะปัสสาวะเพิ่มขึ้น
9. ระบบต่อมไร้ท่อ
ร่างกายผู้สูงอายุสร้างฮอร์โมนชนิดต่างๆ ได้น้อยลง ข้อควรระวังคือการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงทำให้การเผาผลาญไขมันลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะอ้วนง่ายในผู้สูงวัย และอาจเกิดอาการกระดูกหัก หรือยุบง่ายเมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บที่ไม่รุนแรง
Photo by Aswathy N on Unsplash
การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายของผู้สูงวัยมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์และจิตใจในวัยนี้ ทำให้อาจมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล น้อยใจ รู้สึกเหงาเนื่องจากกลัวการถูกทอดทิ้ง ไม่มั่นใจในการทำกิจกรรมต่างๆ จากภาวะที่ร่างกายเสื่อมถอย เกิดความคิดลังเลซ้ำไปซ้ำมา รู้สึกด้อยค่าจากภาวะที่ไม่สามารถทำงานได้หรือสูญเสียบทบาทของตนเองจากที่เคยเป็นผู้นำครอบครัวเปลี่ยนมาเป็นผู้พึ่งพิงผู้อื่น(อ่านบทความ:4 วิธีง่ายๆสร้างสุขให้ผู้สูงอายุ) ส่งผลให้ผู้สูงอายุบางท่านชอบพูดคุยกับคนอื่นๆ บางท่านมีลักษณะชอบบ่น เอาแต่ใจตนเอง หรือมีลักษณะเก็บตัวร่วมด้วย
ดังนั้นการเตรียมความพร้อมก่อนเป็นผู้สูงวัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์เพื่อบำรุงและซ่อมแซมร่างกาย การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและทำให้สุขภาพดี การฝึกจิตใจให้ผ่อนคลาย ปล่อยวาง มีความสุขกับสิ่งใกล้ตัว ก็จะเป็นการลดความเจ็บป่วยที่จะมาพร้อมกับช่วงวัยของผู้สูงอายุได้
ขอบคุณบทความดีๆจาก สสส.