คนเราเมื่อมีอายุที่มากขึ้นร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลง เกิดภาวะความเสื่อมทั้งในด้านโครงสร้างและการทำหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปรกติ นอกจากนั้นผู้สูงอายุส่วยใหญ่ยังคงมี่โรคประจำตัวที่เรื้องรังทำให้ต้องใช้ยารักษาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผู้สูงอายุเป็นกลุ่มผู้บริโภคยากลุ่มใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง
ด้วยเหตุผลข้างต้นที่ผู้สูงอายุมีการใช้ยาอย่างมาก จึงอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการดูดซึม และการกระจายตัวของยา รวมทั้งการเผาผลาญและการขับถ่ายยาออกจากร่างกาย ดังนั้นเราจึงควรดูแลผู้สูงอายุอย่างเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามกระบวนการชราภาพที่เกิดขึ้น
credit pics by freepik – www.freepik.com
ปัญหาที่เกิดจากการใช้ยาในผู้สูงอายุ
การใช้ยาร่วมกันหลายชนิด และต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานในผู้สูงอายุ ทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาหลายอย่างได้แก่ การทำปฏิกิริยาต่อกันระหว่ายากับยา ยากับอาหาร หรือ ยากับโรค และการไม่ใช้ยาตามแผนการรักษา ทั้งหมดนี้อาจทำให้เกิดปัญหาด้านการใช้ยากับผู้สูงอายุได้ง่าย
1. การทำปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยากับยา
credit pics by freepik – www.freepik.com
เกิดจากความแตกต่างระหว่างฤทธิ์ของยาแต่ละชนิด ซึ่งอาจเป็นความแตกต่างทางด้านการดูดซึมยา การกระจายตัวของยา หรือการเปลี่ยนแปลงยาในร่างกาย การขับถ่ายออกจากร่างกาย หรือเกิดจากความแตกต่างระหว่างการออกฤทธิ์ของยาต่อตัวรับยาในร่างกาย อาทิเช่น ปฏิกิริยาระหว่างยาต้านการแข็งตัวของเลือดคือ warfarin ถ้าใช้ร่วมกับยาแอสไพริน อาจเพิ่มฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย หรือถ้าผู้ป่วยได้รับยาเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ คือยา ไดจอกซิน และได้รับยาขับปัสสาวะที่มีผลทำให้โปตัสเซียมในเลือดต่ำจะเกิดพิษจากยาไดจอกซิน เนื่องจากการขับไดจอกซินจากไตลดลง
2. ผลกระทบระหว่างยากับโรค
credit pics by Racool_Studio – www.freepik.com
ยาบางชนิดมีฤทธิ์ข้างเคียงที่ทำให้อาการบางอย่างของโรคเลวลง ซึ่งส่งผลกระทบค่อนข้างมากในผู้สูงอายุเนื่องจากทำให้อุบัติการณ์เกิดโรคเพิ่มขึ้น และแยกความแตกต่างระหว่างอาการระหว่างอาการที่เกิดจากโรคออกจากอาการที่เกิดจากยาได้ยาก เช่น ยาในกลุ่ม anticholinergic สามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงซึ่งแยกได้ยากจากอาการของโรค ตัวอย่างเช่น อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุที่มีต่อมลูกหมากโต ระดับความรู้สึกตัวที่ลดลงจากเดิมในผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมหรือ parkinsonism หรือการมองเห็นบกพร่องในผู้ป่วยต้อหินชนิดมุมปิด เป็นต้น
3. ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
อันตรายที่เกิดจากฤทธิ์ข้างเคียงหรืออาการที่ไม่พึงประสงค์ของยา ในผู้สูงอายุพบได้ 2-3 เท่าของคนที่มีอายุน้อยกว่า เนื่องจากมีการใช้ยาร่วมกันหลายชนิดและต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้มีโอกาสเกิดผลกระทบระหว่างยากับยา หรือ ยากับโรคได้ง่าย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการรักษาได้แก่ ปัจจัยด้านผู้ป่วย ปัจจัยด้านการรักษา ปัจจัยด้านสภาพอาการ แยกรายละเอียดย่อยได้ดังนี้:
credit pics by freepix – www.freepik.com
- ปัจจัยด้านผู้ป่วย ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้อวัยวะทำงานได้ลดลง เช่นสายตาเสื่อมลงทำให้การมองเห็นของสายตาลดลง จึงมองไม่ชัด รวมทั้งการรับรู้ และการจดจำที่ลดลง เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาด้านการใช้ยาในผู้ป่วยสูงอายุได้
- ปัจจัยด้านความรู้ ทัศนคติ และ ความเชื่อ ความเข้าใจ รวมทั้งความคาดหวังของผู้ป่วย ในผู้ป่วยบางคนมีความเชื่อว่าเมื่ออาการปรกติ ไม่มีอาการใดๆ เกิดขึ้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยา
- ปัจจัยด้านการรักษา ผลข้างเคียงจากการใช้ยา ความยุ่งยากสลับซับซ้อนในการใช้ยา การใช้ยาหลายขนาน ความถี่ในการใช้ยา ช่วงเวลาในการศึกษา ถ้าสิ่งเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น ความไม่ร่วมมือในการใช้ยาก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
- ปัจจัยด้านสภาพอาการ สภาพการเจ็บป่วยในบางระยะ การมีโรคร่วมหลายโรค ระดับความรุนแรงของโรค ระดับความพิการของร่างกายและจิตใจ อาจส่งผลต่อการร่วมมือในการใช้ยาสำหรับผู้สูงอายุได้
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูลเรื่อง การใช้ยาในผู้สูงอายุ: การพยาบาลผู้สูงอายุโดย ผศ.ดร.ทศพร คำผลศิริ