หลังจากที่เราได้ทราบข้อมูลของโรคพาร์กินสันในผู้สูงอายุจากบทความก่อนหน้า (อ่านบทความโรคพาร์กินสัน) ในบทความนี้ เราจะมาพูดต่อเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคพาร์กินสัน เพื่อเป็นแนวทางในการพยาบาลเบื้องต้นให้กับผู้สูงอายุ
การดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ที่เป็นโรคพาร์กินสัน:
1. การให้ความรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร

ผู้ป่วยพาร์กินสันควรได้รับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้และธัญพืชให้มากเนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ ผัก ผลไม้ยังมีใยอาหารป้องกันอาการท้องผูก ผู้ป่วยบางรายรับประทานสาหร่ายหรือยาระบายชนิดผงที่เพิ่มเนื้ออุจาระ ผู้ป่วยควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อป้องกันอาการท้องผูก หลีกเลี่ยงชา กาแฟ อาหารมันๆ โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว เช่น เนื้อแดง นม เนย กะทิ และไอศกรีม
2. การให้ความรู้เกี่ยวกับการเคี้ยวและการกลืน
เนื่องจากผู้ป่วยที่เป็นโรคพาร์กินสันในระยะท้าย จะมีปัญหาเรื่องการกลืน วิธีที่แนะนำในการช่วยลดปัญหาได้คือ ตักอาหารให้พอดีคำ เคี้ยวให้ละเอียด กลืนให้หมดก่อนที่จะป้อนคำต่อไป ควรจะมีแผ่นกันความร้อนรองเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารเย็น ที่สำคัญควรเลือกอาหารที่เคี้ยวสะดวกและย่อยง่าย

3. การให้ความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อผู้สูงอายุที่เป็นพาร์กินสันอย่างมากเพราะจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง การทรงตัวดีขึ้น ข้อมีการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ป้องกันอาการข้อติด อารมณ์ดีขึ้น วิธีการออกกำลังกายอาจจะใช้การเดิน ว่ายน้ำ ทำสวน การเต้นรำ หรือ ยกน้ำหนัก(weight training) ก่อนออกกำลังกายควรต้องมีการยืดเส้นเพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อทุกครั้ง นอกจากนี้ควรออกกำลังกายทางใบหน้า กราม และฝึกพูดบ่อยๆ และอาจต้องฝึกหายใจโดยการหายใจเข้าออกแรงๆ หลายๆครั้ง (อ่านบทความเพิ่มเติมเรื่อง การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ)

4. การให้ความรู้เกี่ยวกับการเดิน
เนื่องจากผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการทรงตัวและการเดิน ผู้ป่วยต้องเรียนรู้การเดิน โดยเมื่อรู้สึกว่าเดินเท้าลาก ให้เดินช้าลงแล้วสำรวจท่ายืนของตัวเอง ท่ายืนที่ถูกต้องๆยืนตัวตรง ศีรษะ ไหล่ และสะโพกอยู่ในแนวเดียวกัน เท้าห่างกัน 8-10 นิ้ว ให้ใส่รองเท้าสำหรับการเดิน และการเดินที่ถูกต้องให้ก้าวยาวๆ ยกเท้าสูงและแกว่งแขน
5. การให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการหกล้ม

เนื่องจากในระยะท้ายของโรค ผู้ป่วยมักจะเสียการทรงตัวทำให้หกล้มบ่อย การป้องกันทำได้โดยให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลว่าสามารถให้ไปรำมวยไทเก๊กได้หรือไม่ เพราะการรำมวยจะช่วยในเรื่องการเคลื่อนไหวของข้อและการทรงตัว เลือกรองเท้าที่มีพื้นเป็นยางเพราะไม่ลื่น ทางเดินในบ้านไม่ควรมีของเล่นหรือสิ่งของเกะกะขวางทาง พื้นไม่ควรเปียกน้ำหรือลื่น ติดราวไว้ในห้องน้ำ ทางเดิน บันได เก็บสายไฟ สายโทรศัพท์ให้พ้นทางเดิน (อ่านบทความเพิ่มเติมเรื่อง การหกล้มในผู้สูงอายุ)
6. การให้ความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขเรื่องตะคริว

กล้ามเนื้อของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันมักจะมีอาการเกร็งอยู่ตลอดเวลา บางครั้งอาจเกิดตะคริวที่กล้ามเนื้อของเท้า ท้อง ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด การดูแลจะช่วยลดอาการนี้โดยหากเป็นตะคริวที่เท้าให้ใช้วิธีนวด หากมีอาการเกร็งที่กล้ามเนื้อท้องให้ใช้น้ำอุ่น หรือขวดบรรจุน้ำอุ่นประคบ และให้กำลูกบอลเพื่อป้องกันมือสั่น
7. การให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกเสื้อผ้า
เนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถทำงานที่มีความละเอียดได้ การเลือกเสื้อผ้าต้องเลือกที่สะดวกในการใส่ ต้องใจเย็นเพราะผู้ป่วยต้องใช้เวลาในการใส่เสื้อผ้า วางเรียงเสื้อผ้าให้ใกล้มือ เป็นระเบียบ เลือกเสื้อผ้าที่ใส่ง่าย อาทิ ชุดที่สวมคลุม ไม่ควรมีกระดุม กางเกงควรเป็นแบบยางยืด และควรให้นั่งบนเก้าอี้ก่อนทุกครั้งเมื่อต้องสวมใส่เสื้อ กางเกง และ รองเท้า
8. การให้ความรู้เกี่ยวกับการนอนหลับ

ผู้ป่วยโรคนี้จะมีปัญหาเรื่องการนอนหลับประมานร้อยละ 70% ปัญหาด้านการนอนจะส่งผลเสียด้านอารมณ์และคุณภาพชีวิตทั้งของผู้ป่วยและผู้ดูแล ปัญหาด้านการนอนหลับพบได้หลายรูปแบบ อาทิ
- ผู้ป่วยหลับง่ายแต่จะมีปัญหาเรื่องตื่นนอนตอนเช้ามืด จะรู้สึกนอนไม่หลับ ขยับตัวยาก บางรายอาจเกิดอาการสั่น หรือบางรายหลังจากลุกขึ้นมาปัสสาวะแล้วจะเกิดอาการนอนไม่หลับ สาเหตุอาจเกิดจากขนาด ปริมาณของยาไม่สามารถคุมอาการในตอนกลางคืนได้ แพทย์จึงต้องปรับยาให้ให้เหมาะสมเพื่อควบคุมอาการตอนกลางคืน
- ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะหลับในตอนกลางวันมาก บางคนอาจหลับขณะรับประทานอาหาร ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีปัญหาการนอนไม่หลับในตอนกลางคืน หรืออาจเกิดฝันร้าย สาเหตุมักจะเกิดจากยาที่ใช้รักษาโรคพาร์กินสันมีปริมาณที่มากเกินไป แพทย์ต้องปรับขนาดของยาหรืออาจต้องเปลี่ยนชนิดของยา
- อาการนอนผิดปรกติ หรือ นอนหลับยากจากตัวโรคเอง ปรกติเมื่อคนธรรมดาฝันมักจะไม่มีการเคลื่อนไหวของแขนและขาเนื่องจากกล้ามเนื้อมีการคลายตัว แต่ผู้ป่วยพาร์กินสันกล้ามเนื้อมีอาการเกร็งอยู่ตลอดเวลาฉะนั้นเวลาฝันอาจจะมีอาการเตะหรือถีบ ซึ่งอาจทำให้คนดูแลตกใจหรือได้รับบาดเจ็บในกรณีที่นอนเตียงเดียวกัน
9. การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม

- ปรับสภาพห้องน้ำ เนื่องจากห้องน้ำส่วนใหญ่มีขนาดเล็กไม่สะดวกต่อการเคลื่อนไหวและลื่น การปรับสภาพแวดล้อมในห้องน้ำจะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และยังป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ พื้นห้องน้ำหรือพื้นอ่างน้ำควรใช้วัสดุที่ไม่ลื่น หรืออาจจะใช้พื้นยางรอง ติดตั้งราวไว้ในห้องน้ำเพื่อให้ผู้ป่วยประคองตัว ติดตั้งก๊อกน้ำสำหรับนั่งอาบน้ำและเก้าอี้สำหรับนั่งอาบ ติดตั้งราวยึดเหนี่ยวไว้ข้างโถส้วมสำหรับพยุงตัวเวลานั่งหรือยืน พื้นห้องน้ำควรแห้งอยู่ตลอดเวลา
- ปรับสภาพห้องนอน การจัดเตียงนอนให้สะอาด ไม่รกรุงรังจะทำให้ป้องกันอุบัติเหตุจากการหกล้ม โดยจัดเตียงให้มีความสูงระดับเข่า หากเตียงสูงไปแนะนำว่าควรตัดออกหรือปรับให้เหมาะสม หากเตียงเตี้ยไปควรเสริมด้วยผ้าหรือวัสดุอื่นๆ หรือหาไม้มาเสริมขาเตียงส่วนศีรษะเพื่อผู้ป่วยจะได้ลุกได้สะดวก ควรติดตั้งราวไว้ข้างกำแพงเหนือเตียง 10 นิ้ว เพื่อใช้สำหรับประคองตัว
- จัดการห้องนั่งเล่น โดยจัดทางเดินให้โล่ง และระหว่างทางเดินควรจะมีราวสำหรับยึดเหนียวเพื่อกันล้ม เก้าอีควรมีพนักพิงหลังและที่วางแขน อาจเสริมเบาะเพื่อให้สูงพอดี และติดราวบันไดไว้สำหรับยึดเหนี่ยว
- จัดการห้องครัว โดยพื้นควรจะแห้ง ไม่มัน และลื่น ใช้ไม้สำหรับทำความสะอาดที่มีด้ามยาว เก็บของที่ใช้บ่อยๆ ไว้ตรงที่หยิบจับได้ง่ายและสะดวก
สรุป
โรคพาร์กินสันเป็นโรคที่พบได้มากขึ้นในผู้สูงอายุซึ่งส่งผลกับผู้สูงอายุหลายประการ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องมีหลายอย่าง ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าโรคพาร์กินสันเกิดขึ้นเพราะเหตุใด แต่การจัดการปัจจัยเสียงอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลชะลอการเกิดโรค หรือไม่เกิดความรุนแรงขึ้นได้ ฉะนั้นการดูแล พยาบาล และเอาใจใส่ รวมทั้งการจัดการอย่างเหมาะสม เป็นระบบจะช่วยทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ไม่ยาก
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูลเรื่อง: การพยาบาลผู้สูงอายุโรคพาร์กินสัน
จากหนังสือการพยาบาลผู้สูงอายุโดย ผศ.ดร.ศิริรัตน์ ปานอุทัย