ภาวะสมองเสื่อมเป็นกลุ่มอาการความผิดปรกติของสมองที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุซึ่งเกิดจากความเสื่อมจากการทำงานของสมอง โดยแสดงความผิดปรกติทางด้านความคิด ความจำ การตัดสินใจ การใช้ภาษา และ การเคลื่อนไหว ซึ่งจะรบกวนการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ (อ่านความหมายของสังคมผู้สูงอายุ) ร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม บุคลิกภาพ และอารมณ์
สารบัญเนื้อหา ยาวไปเลือกอ่าน
ภาวะสมองเสื่อมคืออะไร
ภาวะสมองเสื่อมแบ่งตามสาเหตุหลักๆ ได้ดังนี้:
1). อัลไซเมอร์ ดีเมนเทีย (Alzheimer’s dementia) หรือ AD เป็นภาวะสมองเสื่อมที่พบบ่อยมากที่สุด ลักษณะเฉพาะของสมองเสื่อมชนิดนี้คือจะมีเนื้อสมองฝ่อเล็กลง อาการเด่นของสมองเสื่อมแบบ AD นี้คือความจำเสื่อมที่ค่อยๆเป็นมากขึ้นทีละน้อยๆ และเป็นอย่างช้าๆ
2). แวสคูล่า ดีเมนเทีย(Vascular ‘s dementia) หรือ VD เป็นภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากมีการขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ผู้ป่วย จะมีอาการของภาวะสมองเสื่อมร่วมกับหลักฐานที่บ่งบอกว่ามีโรคหลอดเลือดสมอง การเกิดโรคมักเกิดขึ้นภายใน 3 เดือนหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ความรุนแรงของภาวะสมองเสื่อมชนิดนี้จะขึ้นกับบริเวณและขนาดของเนื้อสมองที่ขาดเลือดไปเลี้ยง
3). Dementia with Lewy bodies(DLB) สมองเสื่อมชนิดนี้มักพบบ่อยว่าเกิดร่วมกับ AD ผู้ป่วย/ผู้สูงอายุ มักมีอาการประสาทหลอนโดยเฉพาะการเห็นภาพหลอน มีการเคลื่อนไหวเชื่องช้าทำให้หกล้มบ่อย ระดับสติปัญญาและความจำจะเริ่มถดถอยลงตามลำดับ
4). Frontotemporal dementia (FTD) ลักษณะเด่นของสมองเสื่อมชนิดนี้คือทางผู้ป่วยจะมีความผิดปรกติทางพฤติกรรมมากกว่าทางสติปัญญา ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสังคมที่อยู่แวดล้อม ขาดการยั้งคิด การวางแผน การตัดสินใจ สูญเสียการรับรู้ความเป็นตัวของตัวเอง อาการจะเป็นมากขึ้นจนสูญเสียความสามารถในการใช้ภาษา
5). พาร์กินสัน ดีสีส (Parkinson’s disease) คือภาวะสมองเสื่อมร่วมกับมีความเคลื่อนไหวผิดปรกติ หรือ (อ่านต่อ โรคพาร์กินสันคืออะไร?)
6). AIDS อาจจะพบว่ามีอาการสมองเสื่อมได้ในระยะท้ายของโรค
7). สมองเสื่อมจากการได้รับบาดเจ็บหรือได้รับสารพิษ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม
Credit photo created by jcomp – www.freepik.com
สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมมีได้ดังนี้:
- กรรมพันธุ์ พบว่าผู้ที่บุคคลในครอบครัวเคยมีภาวะสมองเสื่อมมีโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมได้
- มีความผิดปรกติของโครโมโซม
- มีความเสื่อมของเซลล์สมอง เช่น AD, DLB, FTD
- เซลล์สมองขาดเลือดไปเลี้ยง
- มีความผิดปรกติของโรคระบบต่างๆได้แก่ โรคระบบต่อมไร้ท่อ เช่น โรคเบาหวาน ,โรคของต่อมไทรอยด์ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคระบบโลหิต เช่นภาวะซีด
- ขาดวิตามินบางชนิด เช่น B1 B3 B12 และกรดโฟลิก
- มีความผิดปรกติอื่นๆ หรือการได้รับบาดเจ็บของระบบประสาท เช่น ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- มีการติดเชื้อเช่น ซิฟิลิส เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคเอดส์
- ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น อนุมูลอิสระ เซลล์สมองถูกทำลาย พิษจากสิ่งแวดล้อม เช่นพบว่ามีระดับของอลูมิเนียม และสารปรอทสูงในเซลล์สมองของผู้ที่มีโรคอัลไซเมอร์
อาการของผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม
โดยทั่วไปอาการของสมองเสื่อมจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นเดือนหรือเป็นปี ยกเว้น VD อาจจะเกิดเร็ว และเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นหรือน้อยลงในช่วงเวลาของวัน ผู้สูงอายุจะรู้สึกตัวดี และมีการตระหนักรู้ มีความตั้งใจปรกติ คิดในสิ่งที่เป็นนามธรรมไม่ค่อยได้
อาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมซึ่งทำให้ผู้สูงอายุต้องมาพบหมอได้แก่ ความจำไม่ดี โดยเฉพาะความจำในปัจจุบัน ไม่สามารถทำงานที่คุ้นเคยได้ มีปัญหาในด้านการใช้ภาษา เช่นหาคำพูดและเปล่งเสียงไม่ได้ การรับรู้เวลาและสถานที่บกพร่อง การรับรู้สถานที่ไม่ดี มีปัญหาด้านการตัดสินใจต่างๆ หาของไม่พบ หรือ วางของผิดที่ อารมณ์ พฤติกรรม และบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง และ ไม่มีความคิดริเริ่ม
นอกจากอาการดังกล่าวข้างต้น ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมอาจจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงหรือผิดปรกติ เช่นย้ำคิด ย้ำทำ มีการนอนผิดเวลาหลับมากในตอนกลางวันและตื่นกลางคืน หาของไม่ค่อยพบ มีพฤติกรรมวุ่นวาย ไม่อยู่กับที่ ไม่มีจุดหมาย เดินเปะปะ ซึมเศร้า หรือมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม
การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม
เนื่องจากภาวะสมองเสื่อมไม่สามารถคืนสู่ปรกติได้ และภาวะนี้ยังมีแนวโน้มอาการที่แย่ลง ทำให้เกิดผลกระทบต่อทั้งตัวผู้ป่วยและผู้ดูแลที่บ้านเป็นอย่างมาก ดังนั้นเป้าหมายหลักในการดูแลผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมในทุกระยะก็เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถช่วยเหลือตัวเองในการทำกิจวัตรประจำวันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็น นอกจากนั้น เป้าหมายอื่นๆ อาจขึ้นอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุแต่ละราย เช่น เพื่อลดความวิตกกังวล เพื่อให้รับรู้สภาพการณ์ที่เป็นจริง เพื่อส่งเสริมความจำและช่วยให้มีการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
แนวทางหลักในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมมี 2 วิธีได้แก่:
- การดัดแปลงสิ่งแวดล้อม: การดัดแปลงสิ่งแวดล้อมจะช่วยควบคุมสิ่งกระตุ้น และช่วยให้ผู้สูงอายุมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ผู้สูงอายุจะรู้สึกปลอดภัย ลดความวิตกกังวล และลดภาวะซึมเศร้า นอกจากนั้นยังให้ผลดีในผู้ที่มีปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น เดินเปะไปเปะมา หรือมีพฤติกรรมกระวนกระวายไม่อยู่นิ่ง เพราะจะทำให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาสมองเสื่อมสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตัวเอง เหตุผลในการจัดการกับสิ่งแวดล้อมก็เพื่อคงความสามารถของสมองไว้ให้นานที่สุด และป้องกันอันตรายรวมทั้งอุบัติเหตุ
แนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อม:
- ให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย ลดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้อาการแย่ลงเช่นเสียงรบกวน
- ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มั่นคง ไม่ลื่น หลีกเลี่ยงสิ่งของที่มีล้อ เตียงนอน เก้าอี้ โถส้วม ควรมีความสูงพอเหมาะ ไม่เตี้ยเกินไป
- ควรระวังอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหกล้มจากการทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านและนอกบ้านอาทิ การทำครัว การดูแลเด็กเล็ก การดูแลสัตว์เลี้ยง การสะดุดสิ่งกีดขวาง
- หลีกเลี่ยงการตกแต่งด้วยกระจกเงา สีห้องและม่านควรเป็นสีโทนเดียว สบายตา ไม่มีลวดลาย
- พื้นห้องควรมีระดับเดียวกันและไม่ลื่น จุดเชื่อมต่อระหว่างห้องควรอยู่ระดับเดียวกัน หลีกเลี่ยงธรณีประตู และไม่ควรวางของเกะกะที่พื้น เช่นของเล่นเด็ก สายไฟเป็นต้น
- ติดสัญลักษณ์หรือตัวหนังสือบอกตำแหน่งห้องน้ำ เลือกใช้นาฬิกาตัวเลขขนาดใหญ่
- ควรมีแสงสว่างที่เพียงพอ ถ้าสามารถทำได้ควรติดตั้งหลอดไฟที่สว่างขึ้นเองโดยอัตโนมัติในบริเวณมุมมือหรือที่เดินผ่านบ่อยๆ
- ห้องนอนควรมีขนาดที่พอเหมาะ ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ให้พักคนเดียวหรือพักร่วมกับผู้แล หากเป็นไปได้ควรจัดให้ผู้ป่วยพักอยู่บริเวณชั้นล่างของบ้าน
- อุปกรณ์ที่อันตรายเช่น ปลั๊กไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า เตาแก๊ส เครื่องทำน้ำร้อนควรวางไว้ในที่ปลอดภัย ป้องกันไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
- ควรเก็บยาและสารเคมีไว้ในที่ๆมิดชิด
- ควรเก็บของชิ้นเล็กๆที่อาจเข้าปากหรือจมูกได้ไว้ในที่ๆมิดชิด
- ห้องน้ำควรแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกเพื่อป้องกันการลื่นล้ม อุปกรณ์อาบน้ำ (สนใจเก้าอี้อาบน้ำผู้สูงอายุ คลิก) ควรอยู่ในระดับสายตาเพื่อให้ใช้ได้สะดวก มีราวจับ ยึด เกาะ
- ผู้ที่มีสมองเสื่อมในระยะเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่ควรย้ายที่อยู่อาศัย หรือปรับย้ายเฟอร์นิเจอร์ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยสับสนมากขึ้น
2. การใช้เทคนิคการติดต่อสื่อสาร: ผู้สูงอายุภาวะสมองเสื่อมจะค่อยๆ สูญเสียทักษะการติดต่อสื่อสาร โดยจะค่อยๆ ลืมชื่อคน ลืมสถานที่ แม้กระทั่งคนที่สนิทกันมากๆ พูดคุยกันทุกวัน และจะมีปัญหาในการจำสรรพนามสุดท้ายก็จะพูดลำบากเพราะจำไม่ได้ อาจพูดได้เพียง 2-3 คำ หรือพูดซ้ำไปมา เมื่อมีอาการรุนแรงมากขึ้นจะไม่สามารถเข้าใจคำพูด แนวทางนี้จะดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมแบ่งออกเป็น 2 วิธีได้แก่ การสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูด และ การสื่อสารโดยใช้คำพูด
2.1 การสื่อโดยไม่ใช้คำพูด มีแนวทางดังนี้:
2.1.1 การใช้กลิ่นในการบำบัด โดยใช้น้ำมันหอมละเหยซึ่งกลิ่นที่นิยมใช้ในผุ้ที่สมองเสื่อมคือกลิ่นเมลิซ่า (Melissa) และกลิ่นลาเวนเดอร์ (Lavender) ซึ่งจะช่วยลดความวิตกกังวล ลดอาการกระวนกระวายและกระตุ้นประสาทสัมผัสให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2.1.2 การใช้แสงสว่าง เพื่อช่วยปรับอารมณ์ ความรู้สึกให้นิ่ง สบาย ลดความวิตกกังวล
2.1.3 การใช้ดนตรีบำบัด ช่วยเพิ่มการสื่อสารให้ผู้ที่มีสมองเสื่อมขั้นรุนแรง
2.1.4 การออกกำลังกาย ช่วยลดอาการกระวนกระวาย ทำให้อารมณ์ดีขึ้นและช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น
2.1.5 การมใช้วิธีช่วยกระตุ้นประสารทสัมผัส
2.2 การสื่อสารโดยใช้คำพูด มีแนวทางดังนี้:
2.2.1 การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคสมองเสื่อม
2.2.2 การฝึกการรับรู้ สถานที่ บุคคล ช่วยให้ผู้สูงอายุรับรู้สภาพความเป็นจริงในโลก
2.2.3 การจัดกิจกรรมเพื่อระลึกถึงความจำในอดีต ช่วยกระตุ้นความจำและมองเห็นคุณค่าในตัวของตัวเอง ทำโดยการชวนพูดคุยถึงเรื่องวัยเด็ก วัยทำงาน หรือช่วงชีวิตที่มีความสุขในอดีต อาจจะใช้รูปภาพหรืออุปกรณ์ที่เคยใช้ในอดีตมาร่วมในกิจกรรม
2.2.4 การหาความหมายของพฤติกรรมและอารมณ์ เป็นการทำให้ผู้สูงอายุเข้าใจความหมายของพฤติกรรมที่แสดงออกของตนซึ่งอาจจะเกิดจากปมขัดแย้งในอดีตที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข การรักษานี้จะช่วยลดความทุกข์ทรมานใจและลดความวิตกกังวล
สรุป
ทังนี้ การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมตามวิธีการดังกล่าว เป็นเพียงแนวทางในการดูแล เอาใจใสเบื้องต้น ทางที่ดีถ้าผู้สูงอายุมีภาวะความจำเสื่อมที่รุนแรง ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินอาการและหาแนวทางในการรักษาที่ถูกต้อง
แต่สิ่งที่จำเป็นลำดับแรกคือความเข้าใจว่าพฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะโรค และความผิดปรกติทางสมองเนื่องจากความชราภาพลง ลูกหลาน หรือผู้ดูแลต้องมีความอดทน และยอมรับอย่างจริงใจเพื่อการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ในบทความหน้า เราจะมาพูดต่อกันถึงแนวทางในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมในตอนที่ 2
แหล่งที่มาข้อมูลเรื่อง การพยาบาลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม
จากหนังสือการพยาบาลผู้สูงอายุโดย ผศ.ดร.ทศพร คำผลศิริ